การฝังอัญมณีลงบนตัวเรือนเครื่องประดับ
เครื่องประดับอัญมณีมีการผลิตออกมาในรูปแบบหลากหลายทั้งที่มีอัญมณีประกอบอยู่กับตัวเรือนและที่เป็นแบบเรียบง่ายไม่มีอัญมณีผสมผสาน จะสังเกตได้ว่าหากเป็นเครื่องประดับที่มีการฝังอัญมณีเป็นส่วนประกอบนั้นจะทำให้มีสีสรรค์ มีความแวววาว ความงดงามที่เปล่งประกายนั้นทำให้เกิดความสวยงามมีชีวิตชีวาแก่ผู้สวมใส่ประทับใจแก่ผู้ที่ได้พบเห็นและดูเป็นเครื่องประดับที่มีค่าราคาเพชรพลอยหรืออัญมณีที่จะประดับอยู่บนส่วนของเครื่องประดับได้นั้น ย่อมต้องมีวิธีการและขั้นตอนต่าง ๆ ในการฝังที่ทำให้อัญมณีสามารถอยู่คงสภาพบนตัวเรือนในตำแหน่งที่เหมาะสม ซึ่งจะได้กล่าวในรายละเอียดของวิธีการเป็นลำดับตามลักษณะการฝังต่อไป
การฝังพลอย (Stone Setting)
1) นับจำนวนชิ้นงานและพลอย
2) ตรวจสอบความสมบูรณ์ของชิ้นงานและพลอย
3) ขนาดและรูปร่างของพลอย (stone shape) จะต้องสัมพันธ์กับกระเปาะที่จะฝัง
4) ลักษณะเครื่องมือทั่ว ๆ ไปสำหรับช่างฝังพลอย
5) การฝังพลอยแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้
- 5.1 ฝังหนามเตย (prong setting)
- 5.2 ฝังหุ้ม (bezel setting)
- 5.3 จิกไข่ปลา (pave setting)
- 5.4 ฝังสอด (channel setting)
- 5.5 ฝังไร้หนาม (invisible setting)
โดยทั่วไปชิ้นงานที่บอบบางหรืออาจจะเสียหายได้ง่ายจากการฝังพลอยประเภทต่าง ๆ ดังกล่าวนี้ ช่างฝังพลอยมักจะนำชิ้นงานไปขึ้นครั่ง (lac) หรือ shellac เพื่อยึดชิ้นงานให้ติดแน่น กับไม้ทวน หรือ ไม้หนีบแหวน 1 การฝังแบบหนามเตย (Prong Setting) ปกติการฝังแบบหนามเตย ส่วนใหญ่จะมีหนาม 4 หนาม แต่จะมีบางส่วนอาจจะมีมากกว่า หรือน้อยกว่าก็ได้ แล้วแต่ลักษณะและแบบของชิ้นงาน
A. นำพลอยวางบนกระเปาะเพื่อตรวจดูว่ามีขนาดเหมาะสม กับกระเปาะหรือไม่และหนามเตยสูงเกินไปหรือไม่ถ้าพลอย บนกระเปาะดูสูงเกินไปก็คว้านกระเปาะเพื่อให้พลอยอยู่ในระดับเหมาะสม ถ้าหนามเตยสูงไปให้ตัดสั้นลงให้พอเหมาะแก่การฝังพลอย
B. กรอหนามเตยด้วยดอก สว่าน อย่ากรอให้มากเกินไปจะทำให้หนามเตยอ่อนหรือหักง่าย
C. วางพลอยแล้วกดหนามเตย ลงให้เกาะหน้าพลอยในจุดที่เหมาะสม
D. แต่งปลายหนามเตยให้กลมโดยใช้ ตะไบหรือ ดอกสว่านครอบ (con-cave or cup bur) 5 และกดซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
E. ในกรณีฝังหนามเตยร่วม จะต้องระวังไม่ให้พลอยเกยกัน ควรให้ของพลอยชิดกัน พอดีหรืออย่าให้พลอยห่างมาก เพราะเวลาหนามเตยเกาะพลอยแล้วอาจจะไม่แน่นพอทำให้พลอยหลุดง่าย