กูเรียนไปทำไมวะครับ

ผมต้องบอกก่อนว่าผมเรียนด้านศิลปะ การออกแบบ การทำเครื่องประดับ โดยเริ่มจากการเรียนประถมก็อยู่ห้องที่เป็นสายศิลปะ เป็นกลุ่มห้องที่ครูให้เป็นกลุ่มที่ประกวดวาดรูปและงานศิลปะทั่วกทม. แข่งตามเขตต่างๆในกรุงเทพ พอจบประถมศึกษาปีที่6 ก็มาเรียนมัธยมต้นก็มาอยู่ห้องศิลปะอีกเป็นห้องที่ครูจะแบ่งหมวดว่าเรียนศิลปะเยอะมากแบ่งสายกันอย่างชัดเจน จนจบม.3

ตอนเรียนประถม

ก็มาเรียนต่อสายศิลปะกับการออกแบบที่วิทยาลัยอาชีวะศึกษาเชียงใหม่ อยู่ในสายออกแบบ คือออกแบบแม่งทุกอย่าง และผมก็ชอบมากๆด้วย เพราะเหมือนกับว่าตอนอาชีวะจะเป็นอะไรที่ได้ค้นพบตัวเองได้ชัดเจนว่าทำอะไรกับชีวิตต่อไป

ตอนมัธยม

จนจบปวช.3 ก็ดรอปเรียน 1 ปีเพื่อเก็บเงินเรียนป.ตรี แล้วมาเรียนมหาวิทยาลัยที่ ราชมงคลล้านนา จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งก็เรียนจนจบมามีงานทำ และค้นพบวิถีชีวิตของตัวเองดั่งปุจจุบัน

สมัยเรียนอาชีวะ

แต่การเริ่มเรียนของผมตั้งแต่ประถมจนจบป.ตรีนั้นมีปัญหาอย่างเดียวที่คาใจผมตั้งแต่เด็กว่า “กูเรียนวิชานี้ไปทำอะไรวะ???” ซึ่งต้องยอมรับความจริงกันนะครับว่า สิ่งที่ผมเรียนบางวิชานั้นก็งงอยู่ว่าเรียนไปแล้วได้อะไรมาบ้าง เอามาทำอะไรบ้าง มันใช้อะไรกับกรูได้บ้างมั้ยวะครับ……. เพราะวิชาที่ผมเจอนั้นเรียกได้ว่าแต่ละวิชานั้นผมเกิดมา และเรียนมันมา อายุจะ 30 ปี แล้วไม่เคยใช้แมร่งเลยจริงๆ ในตอนนั้นผมก็งงว่าเรียนทำไมอ่ะ รู้มั้ยว่ามันเหนื่อยใจทุกครั้งที่เจอวิชานี้ เรียกว่าเป็นขวากหนามของผมที่เป็นคนเรียนศิลปะ งานออกแบบ เมื่อเจอวิชาเหล่านี้ มันจะมีไว้ทำไมในระบบการศึกษาของเรา มีไว้ให้กรูเครียดในชีวิตการเรียนกระนั้นหรือ เพราะยอมรับตามตรงว่า เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่ต้องเจอวิชาเหล่านี้

ตอนเรียนมหาลัยราชมงคลล้านนา สาขาเครื่องประดับ

ต้องย้ำนะครับว่าผมเองเรียนศิลปะ หรือว่า Artist ศิลปิน การออกแบบซึ่งผมอยากเล่าให้ฟังว่ามันทรมานแค่ไหนเมื่อวิชาที่ไม่อยากเรียนเลย เพราะค้นพบมาทั้งชีวิตแล้วครับว่า เด็กศิลปะหรือเรียนออกแบบ นั้นไม่ถูกกับวิชาเลขเลย การคำนวนเป็นเรื่องที่ทรมานมากหากเจอวิชาคำนวน ผมมั่นใจว่าคนศิลปะเกือบ 90 % กลัววิชาเลข วิชาคำนวน เรียกได้ว่าเป็นงูกับเชือกกล้วย ไม่ถูกกันเลยแม้แต่น้อย วิชาที่ผมไม่เคยได้ใช้จริงในชีวิตเลยก็มีมากมายหลายวิชายกตัวอย่างเช่น

  • วิชาฟิสิกส์ // ไม่ได้ใช้เลย เพราะไม่รู้ว่ามันจะเอามาทำอะไรได้
  • วิชาเคมี // ไม่ได้ใช้ผมเรียนศิลปะกับการออกแบบ การใช้วิชานี้แทบจะไม่รู้ว่าจะเอามาทำประโยชน์กับชีวิตในการเรียนอะไรบ้าง
  • วิชาชีวะวิทยา // ไม่ได้ใช้เลยจริงๆให้ตายเถอะ!!!! ผมเรียนแล้วจนวันนี้ไม่เคยได้ใช้ในงานที่ผมทำจริงๆเลย
  • วิชาไฟฟ้า // ได้ใช้แค่ในเบื้องต้นแต่ถ้าลึกๆแบบละเอียดผมไม่ได้ใช้เลย ไม่รู้จะละเอียดไปมั้ย ทั้งสูตร ทั้งอะไรมันเยอะไปหมด ชีวิตสับสนโครตๆ….
  • วิชาตรวจสอบภายใน // ไม่ได้ใช้จริงๆ ให้ตายเถอะ จนวันนี้ทำกิจการของตัวเองยังไม่เคยได้ใช้เลย
  • วิชาสถิติ // ไม่ได้ใช้ ไม่ได้ใช้ ไม่ได้ใช้ ไม่ได้ใช้!!!!!
  • วิชาแคลคูลัส // ไม่ได้อยู่ในสมองเลย
  • วิชาเศรษฐศาสตร์ // ไม่มีในชีวิตเลย 
  • วิชาตรีโกณมิติ // เรียนแต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร!!! 

เรียนจบปริญญา

สำหรับคนที่เรียนสายอื่นนั้นอาจจะปรกติ แต่สำหรับคนเรียนศิลปะนั้นเป็นเรื่องที่หนักและสาหัสมาก เพราะมันไม่เข้าทางของกลุ่มคนอย่างพวกผมเลย เพราะวันๆมีแต่เรื่องศิลปะ สังคม และการออกแบบ พอมีการเรียนวิชาดังที่กล่าวแทบจะเรียกได้ว่าใจห่อเหี่ยวกันเลยทีเดียว……เรื่องจริงนะเธอว์ มาพูดกันตรงเลยนะครับว่าจริงๆแล้ว มนุษย์ของเราวิชาที่ควรเรียนและเน้นที่สุดคือ

  • วิชาภาษาไทย
  • วิชาภาษาอังกฤษ
  • วิชาสังคม
  • วิชาคอมพิวเตอร์
  • วิชาวิทยาศาสตร์เบื้องต้น
  • วิชาเกษตรกรรม
  • วิชาจิตวิทยา
  • วิชาภูมิศาสตร์
  • วิชาประวัติศาสตร์

ผมเองเชื่อว่าหากการศึกษาไทยยังเป็นแบบนี้ ก็แย่มากหากยังยัดเยียดวิชาที่เราไม่ได้ใช้เลย อีกทั้งโดนวิชาดักต่างๆนาๆ ไม่ได้เพิ่มอะไรเลยให้กับชีวิตประจำวันของคนอย่างผมเลย ผมว่าจะให้ดีอยากเรียนอะไรก็เรียนให้มันเยอะๆ เน้นหากอยากเรียนอะไรก็ให้เรียนตรงนั้นไปเลย อย่าเอาวิชาดักเหล่านี้ที่เราไม่ได้ใช้จริงมาเลยครับ เสียดายเวลาในการเรียนที่ต้องมาเครียดกับวิชาเหล่านี้ เอามาทำอย่างอื่นดีกว่าให้เกิดประโยชน์และตรงสายให้มากๆ ประเทศชาติเราจะได้ไม่ต้องเจอแต่พวกซื้อปริญญา ได้ดิบได้ดีกันไป แต่คนเรียนหนักอย่างเราต้องเจออุปสรรคหลายอย่าง ต้องให้ผู้เกี่ยวข้องเปลี่ยนทัศนคติในการศึกษาให้ดีกว่านี้มากขึ้น