การฝีกงานของผม

วันนี้ผมเจอไดอะรี่เล่มเก่าๆของผมที่เคยบันทึกไว้ตอนเรียนวิทยาลัยอาชีวะศึกษาจังหวัดเชียงใหม่มาเล่าให้ฟังว่า ผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้จะเป็นประโยชน์ต่อน้องๆรุ่นหลังให้เข้าใจว่าการฝึกงานนั้นสำคัญต่อชีวิตในการเรียนของเรา แทบเรียกได้ว่าเป้นส่วนที่บ่มเพาะความเป็นตัวเองและค้นพบตัวเองได้มากๆเลยทีเดียว จะมาเล่าให้ฟังนะครับว่าเป็นยังไง เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อ…………..

ชีวิตสมัยเรียนอาชีวะ

เริ่มจากช่วงปลายๆของเทิอม 2 ของผมตอนเรียนออกแบบที่อาชีวะเชียงใหม่นั้น เป็นช่วงที่นักศึกษาทุกคนต้องหาที่ฝึกงานคนละ 1 ที่ เป็นระยะเวลา3 เดือน ซึ่งเพื่อนๆในห้องทุกคนต้องหาที่ฝึกงานของตัวเอง หลายๆคนหาที่ฝึกงานตามบริษัทออกแบบต่างๆ ร้านทำป้ายโฆษณา บริษัทโฆษณา และที่เจ๋งๆกันที่มีและโด่งดังในจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงนั้น หลายคนได้ที่ฝึกงานดีๆกันทุกคนเลย แต่ผมก็ไม่ขี้เหล่เท่าไหร่หรอกนะครับ……

แต่ที่ฝึกงานของผมนั้นคือ “ฝ่ายศิลป์ของห้างโลตัส” สาขาหางดง ไม่รู้อะไรดลบันดาลให้อยากมาฝึกงานที่นี่เพราะลึกๆนั้นเชื่ออยู่ภายในว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ ส่งใบฝึกงานบอกสถานที่ให้อาจารย์ดู อาจารย์ถึงกับอึ้งเลยว่าทำไมถึงอยากไปฝึกงานที่นั่น เพราะคนอื่นไปฝึกงานตามออฟฟิตอันแสนสะดวกสบาย แต่ผมทำไมต้องไปฝึกงานที่ห้างโลตัสด้วย…เพราะไปถามหลายๆคนในวิทยาลัยว่ามีใครไปฝึกงานที่โลตัสฝ่ายศิลป์บ้าง คำตอบคำ”นับตั้งแต่ก่อตั้งวิทยาลัยอาชีวะเชียงใหม่มา มึงอะคนแรกที่ฝึก เพราะไม่มีใครอยากไปฝึก เพราะงานมันหนักมาก”

……นั่นแหละที่ผมอยากเจอ เพราะตอนนั้นมีแรงและบ้าพลังมาก ส่งเอกสาร พบกับผู้จัดการห้างทำความรู้จัก เพราะตำแหน่งนักศึกษาฝึกงานนั้นตำแหน่งต้อยต่ำกว่าแม่บ้านซะอีกในตอนนั้น ตอนนั้นต้องฝึกงานทุกวัน ทางที่ฝึกงานมีคูปองให้ทุกเดือนเป็นค่าอาหาร และเงินค่าเดินทางเดือนละ 500 บาท ตอนนั้นก็โอเคแล้วครับ จำได้ฝังใจเลยครับว่าวันแรกที่ผมเข้าไปนั้นเหมือนกับการได้เปลี่ยนโลกของการทำงานของผม การเรียนวิชาต่างๆได้นำมาใช้อย่างเต็มที่ ขอบอกเลยว่ามาฝึกงานที่นี่ ได้ใช้ทุกอย่าง แต่ปัญหาคือ หัวหน้าฝ่ายศิลป์ที่เป็นพลักงานประจำของโลตัสสาขาหางดงในตอนนั้นเงินเดือนน้อย ทำงานหนักมาก อยู่ในมุมทางเดินเล็กแคบๆ มีพื้นที่พอให้ทำงานที่หัวหน้าสั่งได้ ทั้งเรื่องป้ายโฆษณาและทุกสิ่งอย่างมากมายในห้างให้ทันเวลา ทำอะไรต้องเร่งรีบไปหมด ผมก็เป็นเหมือนเบ๊ของพี่คนนี้อีกที เค้าสั่งอะไรต้องทำ ตอนนั้นมันสนุกมากกว่าเหนื่อยเลยครับ มันกระฉับกระเฉง ได้เรียนรู้เรื่องต่างๆจากสิ่งที่ได้รับมาจากพี่ฝ่ายศิลป์คนนั้น แผนกฝ่ายศิลป์ของที่ห้างโลตัสหางดงมีเพียง 2 คน เท่านั้น ซึ่งต้องทำทุกอย่างในห้างให้สวยงาม แต่ทั้งสองก็เก่งมาก ผมได้เห็นความสุดยอดของสองคนนี้ในการทำงาน ที่มีการวางแผน ทำงานสองคนอย่างมีระบบ แต่งานสามารถเดินได้ ผมเป็นส่วนหนึ่งของลูกมือของเค้าในช่วงนั้น เป็นความรู้สึกที่สุดยอดมากสำหรับผม

ผมฝึกงานที่โลตัสในตอนนั้นผมได้เรียนรู้…..

  1. การเขียนป้ายบนแผ่นไม้
  2. การเขียนป้ายบนแผ่นโฟม
  3. การเขียนป้ายผ้า
  4. ทำพิมพ์พ่นสเปร์บนพื้นผิว
  5. การทำซุ้มลูกโป่ง
  6. จัดบู้ทในห้าง
  7. ติดป้ายราคา จัดหมวดหมู่
  8. ประดับตกแต่งเวทีกิจกรรมต่างๆภายในและนอกอาคาร
  9. เขียนตัวอักษรราคาให้กับสินค้าเกือบทุกตัวในห้าง(ซึ่งอันนี้ทำให้การเขียนหนังสือของผมเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง)
  10. ขึ้นรถยกสูงๆเพื่อแขวนป้ายติดสลิง(อันตรายมาก)
  11. ได้ทำโอทีแบบพนักงานทั่วไปได้รู้ความลำบากจริงๆ

หากมองดุทั้ง 11 อย่างนี้แล้วท่านคงมองว่าธรรมดามากๆ ใครก็ทำได้ ตอนแรกผมก็คิดว่าง่ายๆ แต่พอเจอหน้างานจริงๆแล้วมันไม่ใช่เลย ไอ้ที่เราว่าง่ายๆนั้นมันมีหลักการณ์แฝงลึกซึ้ง แต่ละอย่างมีวิธีทำอย่างละเอียด พี่ๆที่สอนก็บอกวิธีทำแบบบ้านๆแต่เอามาคิดดีๆเราเอาวิชาเหล่านั้นมาใช้ ประยุกต์ให้เข้ากับการทำงานด้านการออกแบบต่างๆ

ซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องที่ดีมากในการในการเรียนรู้ก่อนที่จะทำงานจริงๆเพราะการฝึกงานอันนี้เปลี่ยนชีวิตผมให้เข้าใจสังคมและวิธีคิดใหม่ ในช่วงที่ผมเรียนนั้นเป็นช่วงที่คาบเกี่ยวกันระหว่างทำงานด้วยมือและด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นรอยต่อที่พอดีกับการเรียนรู้วิชา Photoshop / iLlustrator /และโปรแกรมเกี่ยวกับการออกแบบช่วงแรก นับว่าเป็นการเปลี่ยนยุคกันในช่วงผมพอดีเลยได้ทั้งสองอย่างนี้มาพร้อมกัน