วันนี้ได้แรงบันดาลใจจากการได้ไปออกรายการช่างคุยตอนที่ผ่านมา ที่ร้านกาแฟวาวีสาขาเอกมัย วันนี้มีอะไรมาบอกเกี่ยวกับคำว่าชีวิตไร้บัตรตอกเป็นยังไง มันดูน่าคิดได้ทั้งแง่ลบและแง่ดี แต่ชีวิตผมพบคำตอบว่าการออกมาเป็นอิสระต่องานในออฟฟิตเป็นเรื่องที่เราต้องการจริงๆ การเดินเข้างานเพื่อตอกบัตรสแกนนิ้วจึงเป็นอะไรที่ผมเบื่อมาก
ผมเรียนจบมาใหม่ๆแล้วได้เข้ามาทำงานในองค์กรณ์ที่มั่นคง ด้วยความเชื่อแบบเด็กเรียนจบใหม่ๆไฟแรง ไม่ว่าอะไรทำหมด เพราะใจรัก คิดแต่หาประสบการณ์ในการทำงานในด้านต่างๆในออฟฟิต ต้องขอบคุณบริษัทที่ผมเคยได้ร่วมงานมาเป็นเวลา 5 ปี ที่ทำให้ผมได้ค้นพบตัวเองว่าชีวิตเราต้องการอะไร การทำงานที่เรารักคืออะไร คำตอบของผมคือ การออกแบบแฟชั่น พยายามถีบตัวเองจากมีความรู้แค่เรื่องเครื่องประดับเพียงอย่างเดียว ก็หาวิชาความรู้ใส่ตัวเพิ่มจากที่ต่างๆ ไม่ว่าการใช้โปรแกรมการออกแบบต่างๆที่ผมใช้ในวันนี้ล้วนแต่หาเรียนเอาเองแทบทั้งสิ้น
ช่วงชีวิตที่ต้องอยู่ในออฟฟิตที่ทุกคนต้องเจอ
- ตื่นขึ้นมาดูนาฬิกาว่ากี่โมง รีบอาบน้ำเพื่อให้ทันเข้าไปทำงาน
- ขึ้นรถไปทำงาน/ขับรถไปทำงาน อย่างกรุงเทพบ้านเราการกะระยะเวลาในการเดินทางจึงต้องเจอกับรถติด ทำให้เบื่อและเครียด และต้องเจอกับสิ่งเหล่านั้นทุกวัน
- รีบวิ่งและไปตอกบัตรและสแกนนิ้วให้ทันเวลา เพราะจะต้องถูกหัวหน้าด่า ตำหนิ มองดูไม่ดี
- มานั่งบนโต๊ะทำงานตัวเดิมซักพัก เคลียงานจากเมื่อวาน นั่งมึนจากการเดินทาง
- สู้รบกับสงครามประสาทในออฟฟิตในช่วงเช้า กลุ่มใคร ก๊กใคร นินทาใคร สังคมในนั้นเป็นเหมือนกันแบบเดิมๆทุกวัน
- พักเที่ยง กินข้าวต้องดูกลุ่มของคนในโรงอาหารหรือร้านอาหารเป็นของกลุ่มไหน ซึ่งพยายามให้เราเข้ากลุ่ม ไร้ความสามัคคี
- พักเที่ยงก่อนทำงานรอบบ่าย ต้องนั่งฟังคนในออฟฟิต ก่อดราม่า
- ช่วงบ่ายต้องเจอกับงานด่วนที่ทำให้เราไปไหนไม่ได้ต้องเคลียให้เสร็จ โดยมีแต่เกี่ยงกันทำ คนที่มาใหม่มักจะโดนรับน้องด้วยการทำงานฟรีไม่มี OT จนดึกดื่น
- พอช่วงบ่ายแก่ๆก่อนเลิกงงานต้องเจอสงครามกับลูกค้าคนที่เราชอบและไม่ชอบทุกวันๆ
- เลิกงาน พอถึงเวลา ใครกลับก่อนจะโดนนินทาลับหลังทันที แบบไม่มีเหตุผล กลับบ้านช้าก็หาว่าเกินหน้าเกินตา
- สแกนนิ้ว ตอกบัตร กลับบ้าน ต้องเจอกับรถติดทุกวันๆ กว่าจะถึงบ้านก็ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็ดึกซะแล้ว
- วงจรชีวิตของมนุษย์บัตรตอกแทบจะไม่มีอะไรเลย นอกจากลดคุณค่าชีวิตของตัวเรามากขึ้นเรื่อยๆ