เรื่องของคน6คนบนเตียง

การมีชีวิตที่ดีคือการมีสุขภาพที่ดี มันเทียบไม่ได้เลยกับเงินและของมีค่าไม่เท่ากับการมีสุขภาพที่ดีเลย เพราะการดูแลไม่ให้ตนเองเจ็บป่วยนั้นในแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน ตอนที่ผมบันทึกนี้อยูในโรงพยาบาล ผมนั่งอยู่ตรงมุมของห้องที่มีคนป่วย 6เตียง เป็นห้องรวม ได้ยินกริยาและการพูดของแต่ละคนมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในการได้อยู่ในโรงบาลแล้วได้ฟังมุมมองของแต่ละคนอยู่ห่างๆผมพอจะสรุปได้ว่า

เตียงที่1 ผู้ชายสูงอายุร้องโอดโอยถูกมัดมือมัดเท้า ด้วยความที่ชราตัวแก่ตัวลงของชายคนนี้พอบอกได้ว่าการแก่ชราเป็นความทุกข์เป็นอย่างมาก สายตาที่หมดความหวังเพราะใจคิดเพียงว่าจะจบชีวิตอย่างไรในนาทีสุดท้ายแล้วชีวิตในนาทีต่อไปจะอยู่อย่างไรอย่างไรความหวังสังเกตุได้จากสายตาที่ไร้ความหวังของชายชราคนนี้ มันตอบโจทย์ของชีวิตเราว่า ในยามแก่เฒ่า ไม่มีใครเอาชนะความแก่ชราได้ ไม่มีใครใหญ่คับโลง
เตียงที่2 ผู้ชายวัยกลางคนตะโกนร้องแบบเจ็บปวด น้ำตาไหลออกจากตา เพราะความเจ็บปวดทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมา จนบ่นว่าอยากตาย……ความเจ็บปวดของร่างกายมันมาจากการที่เราได้ทำร้ายร่างกายของเราเหมือนเราเคยก่อกรรมอะไรไว้แล้วมารับผลในตอนที่กรรมได้สนองเมื่อถึงเวลา การร้องของชายคนนี้ทำให้ผมคิดว่า ความเจ็บปวดของเค้ามันบอกผมว่า”กูไม่น่ากินเหล้า สูบบุหรี่”เรียกง่ายๆคือการทำร้ายร่างกายในครั้งเก่าก่อน จนไม่นึกถึงเรืื่องอะไรอีกแล้วนอกจากอยากตายให้ไปจากโลกนี้
เตียงที่3 ชายวัยกลางคน เป็นคนจีนที่มีโรคติดตัวแล้วเกิดอารมณ์ว่านี่คงเป็นวาระสุดท้ายของชีวิตมีแค่เพียงโทรศัพท์เครื่องนึงที่เค้าสามารถโทรหาใครก็ได้เพื่อสั่งลาใครสักคนหนึ่งที่เค้ารัก ดูแล้วชายคนนี้เป็นคนที่มั่งคั่งเรื่องทรัพย์สินเงินทอง มีฐานะในระดับหนึ่ง แต่การโทรของเค้าแต่ละคนไม่มีใครรับโทรศัพท์ของเค้า ถึงรับก็คุยกันได้แป้ปเดียวก็วาง ไม่มีใครเลยที่จะมาเยี่ยมชายคนนี้ คนที่มั่งคั่งด้วยเงินทอง แต่ไร้คนดูแล คนที่สนใจ ในยามป่วยไข้ไร้คนดูแลเป็นตัวทำห้คนป่วยตายเร็วขึ้น
เตียงที่4 ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับผมในวัยไม่น่าจะเกิน30ต้นๆ แต่ต้องมาพบว่าตัวเองเป็นโรคร้ายที่รักษาไม่หาย ชายคนที่เป็นกำลังหลักของครอบครัว ต้องมาโดนพังทลายในชั่วพริบตาจากการทำงานหนัก เค้าพูดอยู่คนเดียวเหมือนกับบ่นให้กับตัวเองว่าตอนนั้นทำไมกูไม่ทำนั่น ทำนี่ ไม่ได้ทำอะไรอย่างที่ตัวเองอยากทำเลย จู่ชีวิตที่คิดถึงอนาคตอันสดใสต้องเปลี่ยนมาเป็นนับเวลาย้อนหลังรอวันลาจากโลกนี้ เพราะโรคร้ายที่ตัวเองก่อขึ้นโดยไม่ตั้งใจจากการทำงานหนักเกินไป เงินไม่ได้ช่วยให้ชีวิตเค้าดีขึ้นเลยจริงๆ ชีวิตที่ยังไม่ได้ใช้ความสุขจากเงินที่หามาได้เลยนอกจากเอามาจ่ายค่ารักษาตัวเพราะทำงานหนักเกินไป
เตียงที่5 ชายร่างท้วมคนนึงถูกรายล้อมไปด้วยคนรัก ทั้งลูกเมีย พ่อแม่พี่น้องญาติสนิทมิตรสหายเดินเข้าเอาของมาเยี่ยมแบบไม่ขาดสาย พอจะบอกได้ว่าชายคนนี้เป็นคนที่มีบารมี และมีคนนับหน้าถือตา ครอบครัวอบอุ่น แต่เค้าต้องมาเข้าโรงพยาบาลและรับรู้เรื่องโรคของตัวเอ
ที่รักษายากมาก ผมว่าในใจเค้าคิดเสียดาย เค้ายังไม่อยากจากโลกไปเพราะเค้ามีคนที่เค้ารักยืนเฝ้า มีเมียและลูกคอยดูแลอยู่ไม่ขาด ชีวิตมีความสุข เค้าคงอยากมีชีวิตที่ยาวนานกว่านี้ น่าดีใจแทนที่เค้ามีบริวารโดยรอบเป็นคนที่รัก สิ่งที่ยื้อชีวิตชายคนนี้ได้คือกำลังใจจากคนที่เค้ารักจริงๆ
เตียงที่6 ชายที่อยู่ติดกับผมเป็นชายกลางคนอายุ51ปี ชื่อว่าจำรัส โพธิ์แสงดา คือพ่อผมเองครับนอนอยู่ข้างๆมีผมกับน้องและแม่อยู่ข้างๆแล้วบ่นกับแม่และผมที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างๆว่า “ไอ้5คนนั่นมันพูดเหี้ยอะไรของมัน!!!!กูรำคาญ!!!!!………..เอิ่ม…พ่อกู-_-“
…กร้ากกกกก จบการนำเสนอ-_-“