ผมก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเล่ายังไงดี แต่มั่นใจว่าบล้อคนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆคนได้บ้าง เพราะบางทีการกลัวในสิ่งที่เราไม่เคยเห็นนี่หลายคนเป็น ผมก็เป็นเช่นกัน เราจะทำยังไงให้ฝ่าคำว่ากลัวออกไป โดยเรื่องนี้ผมยกตัวอย่างของผมในการไปรายการ The voice thailand มาฝากกัน เล่าสู่กันฟัง
รายการ The voice thailand นับว่าเป็นรายการร้องเพลงที่ผมเองพึ่งเคยเห็นมาก่อน มันดูตื่นตา น่าสนใจในรูปแบบรายการที่ชวนติดตาม ผมชอบดูมากๆเลย ในสมัยที่เป็น season แรก ผมก็ได้แต่ดู ติดตามดูอยู่ทุกเทป แต่ก่อนหน้านั้นตอนที่เค้าประกาศรับสมัคร ผมก็ยังสองจิตสองใจ ไม่กล้า กลัว ไม่มั่นใจ ประหม่ามากๆ เลยไม่กล้าที่จะไปสมัคร ทั้งที่ตอนนั้นยืนถือใบสมัครอยู่ที่หน้ากองประกวดที่ RCA ในปีแรกที่จัด เพราะความกลัวต่างๆของผม มันเลยทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปเขียนใบสมัครในวันนั้น
มาดูคลิปรอบ Blind ของผมกันครับ คลิปนี้ผมดูทีไรน้ำตาผมไหลทุกครั้ง ทุกครั้งที่ดูผมคิดถึงพ่อของผมจับใจ
มาดูคลิปแนะนำตัวของผมใน V repoter
คลิปเพลงในรอบ blind ที่ผมกับ iHearband Cover มาครับ
หลังจากวันสมัครเสร็จสิ้น โดยที่ผมก็ไม่ได้สมัคร จนวันที่รายการ The voice thailand ออนแอร์วันแรกผมดู ดูทุกเทป ดูแล้วก็เสียดาย ทำไมไม่ลองไปดูนะตอนนั้น ใจนึงก็เสียดาย ใจนึงก็เสียใจที่ความกลัวแม่งทำลายโอกาสที่เรายังไม่ได้ลอง คำถามในหัวเกิดขึ้นว่า ทำไม ทำไม ทำไม ได้แต่เสียดาย ก็ดูทุกอาทิตย์ กับรายการ The voice thailand ผมดีใจที่ได้เห็นคนรู้จัก เพื่อน พี่ น้อง ที่เคยร่วมงานกันมารายการนี้เราก็ดีใจไปกับเค้าด้วย มันอิ่มใจมากที่ได้เห้นคนรู้จักอยู่ในรายการนี้
ใน The voice thailand season 1 คนที่ผมรู้จักมีหลายคนมากทุกครั้งที่เห็นผมมีความสุขมาก เพื่อนๆเหล่านั้นที่ได้ไปรายการนี้มี ตี๋ The voice // ฟิล์ม The voice // กีต้าร์ The voice //นัท The voice // นับว่ามีความสุขมากที่ได้เห็นทุกคนยืนบนเวทีนั้น และก็แอบอิจฉาเล็กๆว่าเมื่อไหร่น้อเราจะมีโอกาสแบบนี้บ้าง ก็ได้แต่ตามเชียร์เพื่อนๆของเรา มันก็มีความสุขดีนะสนุกดีรายการก็น่าสนใจกว่ารายการประกวดร้องเพลงอื่นๆที่บ้านเราจัดด้วยองค์ประกอบหลายอย่างที่รายการนี้น่าสนใจและมีคนติดตามทั่วโลก
ก็ดุจนจบ Season1 เลย และก็ยังจะติดตามต่อไปกับรายการนี้ ผมชอบรายการนี้ที่เปิดโอกาสให้กับทุกคนได้แสดงความสามารถทางเสียงจริงๆ เสียงเท่านั้น ดั่งที่รายการเค้าบอกว่า เสียงจริง ตัวจริง มันใช่เลย เพราะที่พูดมานี้ผมมีปมหลายอย่างที่เคยโดนรายการประกวดร้องเพลงบางรายการดูถูกเอาไว้เยอะ ต้องเอาหน้าตา ต้องเอาการโหวต ต้องเอาหลายอย่างโดยที่ไม่ได้เน้นเสียงดั่งที่รายการตัวเองโปรโมทเอาไว้ รายการ The voice thailand จึงเป็นรายการเดียวในประเทศไทยที่ยุติธรรมกับเสียงของเรามากที่สุด
ก็รอวันที่จะมี The voice thailand season 2 มาเลยแต่เหมือนว่าตอนนั้นมีหลายอย่างที่ต้องทำ และพ่อของผมก็เห็นตัวอย่างรายการ The voice thailand ที่รับสมัคร ออดิชั่น พ่ออยากให้ไปมาก พ่ออยากเห็นเราอยู่บนเวทีนั้น ผมก็อยากไปนะตอนนั้นแต่เรามานึกได้ก็ตอนที่เค้าปิดรับสมัครไปแล้ว เพราะตัวเองไม่กระตือรือล้น เลยเสียโอกาสในปีที่ 2 ไป เสียดายมาก แต่ก็ยังกลัวๆกล้าๆอยู่ เพราะตอนปีแรกจนปีนี้เราเก็บสะสมประสบการณ์ในการร้องเพลงกับวง iHearband มามากมายสามารถยืนบนเวทีได้อย่างมั่นใจ พอพลาดปีที่สองก็คิดซะว่าเก็บประสบการณ์ต่อไป ทั้งที่ในใจทั้งเสียดาย และก็กลัวคำสบประมาทหลายๆอย่างที่ไม่ได้มาในปีที่สองนั้น
โดยที่ The voice thailand ปีที่สองนั้น มีสมาชิกของวง iHearband เข้ารอบ Blind ถึง 2 คน คือ ปูเป้ The voice // ครูแก้ว The voice เราก็ดีใจมากๆที่สมาชิกวงของเราเข้าด้วยติดตามและเชียร์มาตลอด ปีนี้ยิ่งทำให้เรายิ่งอยากมารายการนี้มากขึ้นอีกเท่าตัว ความกลัวในตอนนั้นหายไปทันที มีแต่คำว่ารอวันนั้นของเราบ้าง ก็ซ้อมบ้างไม่ซ้อมบ้างเพราะมีงานหลายอย่างที่ต้องทำ ก็ติดตามดูจนจบ season 2 เลยได้เห็นหลายๆคนมีงานมากขึ้น ก็ดีใจกับเค้าด้วย เพราะชื่อติดท้ายว่า The voice มันก็การันตีเราได้หากมีตรงนั้นเป้นการโปรโมทตัวเองมากๆด้วย ผมว่ามันสามารถต่อยอดให้กับนักร้องได้อย่างดีเลยล่ะ
ได้เห็นรุ่นพี่ The voice thailand ทั้งสองปีแล้วพบว่า หลายคนงานเยอะขึ้น มีคนรู้จักมากขึ้น มีสังคมใหม่ๆเข้ามา ได้รับโอกาสมนงานของตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม ต่อยอดงานของนักร้องอาชีพได้มากเลยทีเดียว (แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ทำงานด้านดนตรีโดยตรงก็อาจจะมีปัญหาบ้าง เพราะไม่สามารถไปต่อยอดงานได้) เป็นใบเบิกทางที่ดีมากๆของอาชีพนักร้องได้อย่างดีเลยครับ จากที่ได้เห็นหลายๆคน ประสบความสำเร็จมา หมด Season ก็ได้เป็นพรีเซนเตอร์สินค้า ,ร้องเพลงประกอบละคร//หนัง, ได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินค่ายยักษ์ใหญ่ ,มีเพลงเป็นของตัวเอง ,ผมว่ามันสร้างงานให้กับการทำงานที่เราต้องมาต่อยอดเอง ที่น่าสนใจมาก อยู่ที่ว่าใครจะเอาไปต่อยอดตรงนั้นยังไง
จนเข้ามาถึง Season 3 …………
ผมก็รอเวลาที่จะได้ไปจริงๆซะที กว่าจะได้มาพ่อผมก็มาเสียไปซะก่อน นี่ก็เป็นหนึ่งในปมที่ผมต้องมาปีนี้ให้ได้ The voice thailand 3 ซึ่งแน่นอนปีนี้ผมไม่กลัวแล้ว ผมรอมา 2 ปี ปีนี้ผมจะไปซักครั้งตามที่พ่อบอก ไม่กลัวอะไรแล้ว เป็นไงเป็นกัน ไปแบบไม่กดดันตัวเองไปเป็นตัวเองที่สุด ธรรมชาติที่สุด ปีนี้ผมจะพลาดดอกาสนี้ไม่ได้เด็ดขาด!!!
วันสมัครวันแรกผมจำได้ดี ในกรุงเทพจะมีแบบ Pre audition ผู้สมัครมากันเต็มศูนย์สิริกิตติ์มืดฟ้ามัวดิน นี่เฉพาะในกรุงเทพ วันแรกนะคนเยอะมากๆ แต่ละคนล้วนแล้วแต่เป้นคนมีฝีมือทั้งนั้น ทั้งนักดนตรีสมัครเล่น นักร้องอาชีพ นักร้องสายประกวด ผู้ประกวดจากรายการอื่นๆก็มี ผมก็มาตั้งแต่เช้ากว่าจะได้ลงทะเบียนก็ตกเย็นเลยเกือบมืด แต่เพื่อพิสูจน์ตัวเองรอคือรอ จนถึงคิวที่ผมจะได้ร้องตอน สองทุ่มครึ่ง ต้องยอมรับครับว่าคนเยอะจริงๆ จึงต้องอดทนในการรอเพราะเค้ามีคิวของเค้าที่จัดกันมา พอถึงคิวผมร้อง ผมร้องเพลง เธอคือใคร ร้องด้วยความเป้นตัวเองมากที่สุด เพราะตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียวว่าต้องเป็นตัวเองมากที่สุด เพราะเราเองก็ไม่อยากไปเหมือนใคร พอออกจากห้องมา รอฟังผล สรุปผ่าน ผมกระโดดเหมือนตอนจับใบดำใบแดงเลย555 พอผ่านแล้วให้ว่า Audition อีกวันนึงสำหรับคนที่ผ่าน pre audition มาแล้ว ก็มาอีกวันเพื่อคัดจริง ก็ร้องเพลงเดิม เธอคือใคร ทางกรรมการให้ผมร้องเพลงเพิ่ม คือเพลง เพราะเธอคือคำตอบ กับ my girl ผมร้องด้วยความมั่นใจเพราะเอาไงเอากันวะ!!!!!
ออกจากห้องมาเค้าบอกให้รอผลประกาศที่หน้าเว็บอีกครั้ง ซึ่งผมก็รอๆๆๆๆๆๆๆๆ จนเวลาผ่านไปเป็นเดือน จนวันประกาศผลว่าได้เข้ารอบก็ดีใจสุดๆ ในห้องตัวเองจำความรู้สึกนั้นได้ดีมันยิ่งใหญ่มากสำหรับผม เพราะผมไปประกวดที่ไหนไม่เคยเข้ารอบซะที นี่คือครั้งแรกในชีวิตที่ได้เข้ารอบการประกวดนี้ หัวใจเต้นแรงมากๆ ท่านที่อยากรู้สึกแบบนี้ท่านต้องทำเท่านั้นครับ ผมลองมาแล้ว มันกระชากหัวใจมากวินาทีนั้น
นับว่าเป้นประสบการณ์ที่สุดยอดมากของผม จนมาถึงวันที่ต้องร้องเพลงให้โค้ชทั้งสี่ฟัง เพื่อวัดกันไปเลยว่าจะมีใครหันมาบ้าง ผมว่านับแต่ผมเกิดมาสามสิบปีผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่จะรู้สึกอย่างนี้ มันไม่ง่ายเลยที่จะยืนตรงนั้นได้อย่างมั่นคง แม้เราจะผ่านเวทีงานต่างๆมามากมายก็ตามแต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่ผม ตื่นเต้นที่สุด มือเย็นไปหมด ก่อนขึ้นเวที ผมมองขึ้นฟ้า ภาวนาให้พ่อลงมายืนข้างๆผมด้วย พอได้เวลาขึ้นไปทุกอย่างเงียบหมด ไฟมืดไปหมด มือถือไมโครโฟนแน่น พอดนตรีขึ้นเท่านั้นเหมือนหัวใจหยุดเต้นเลย พอได้ร้องไปประโยคแรกทุกอย่างโล่งหมดเลย ไอ้ที่กดดันมาหายไปหมด เหลือแต่คำว่าเวทีนี้คือ คอนเสิร์ตของผม ผมร้องจนขนลุกไปหมด จนพี่คิ้มกดยิ่งทำให้ความตื่นเต้นกลับมา ความรู้สึกมันสุดยอดจริงๆครับ ไม่น่าเชื่อว่าผมจะมีวาสนาได้มายืนบนเวทีอันทรงเกียรติ์นี้ ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในรายการ The voice thailand ใน Season นี้ ติดตามชมผมในรอบต่อไปด้วยนะครับ
นาทีนี้ผมยิ่งมั่นใจ 100% ว่ารายการนี้ต้องใช้เสียงของคุณเท่านั้น ในการตัดสินว่าใครคือเสียงจริง ตัวจริง รายการที่ตอบโจทย์ของเสียงคุณได้จริงๆ ผมพิสูจน์แล้วด้วยตัวเอง จงอย่าทิ้งฝัน เรามีรายการดีๆที่คนมีฝันทำได้จริงๆ ถ้าคุณใช้เสียงของคุณได้เต็มที่ และเป็นตัวคุณเองมากที่สุด รายการ The voice thailand ต้องการเสียงที่ดี มีเอกลักษณ์ มีความพิเศษ แปลกใหม่ นับว่าเป็นรายการคุณภาพมากๆ ที่ให้โอกาสคนทุกคนจริงๆ ขอบคุณรายการ The voice thailand อีกครั้งที่เป็นตัวจุดประกายให้เราเดินหน้าต่อไปได้ สุดยอดจริงๆครับรายการนี้
นี่เป็นอีก Moment นึงในชีวิตที่ผมอยากจะมาแชร์ถึงประสบการณ์ดีๆที่ผมได้เจอ มาให้ทุกท่านได้เข้าใจถึงแรงบันดาลใจ ความกล้า เอาออกมาให้หมด อย่าให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ จงทำให้ดีที่สุดเมื่อมีโอกาส แล้วอย่ามาเสียดายเมื่อโอกาสนั้นมันสายไปแล้ว โอกาสมันจะมีให้กับคนที่วิ่งเข้าหา ไม่ใช่ให้มันเข้ามาหาเรา ชาติหน้าก็ไม่มีทางได้ดั่งฝัน