ผมไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขียนบล๊อคนี้ขึ้นมานะครับ แต่มันมีอะไรหลายๆอย่างที่อยากคุยกับตัวเอง โดยการพิมพ์ผ่านคอมเอาไว้อ่านเผื่อว่าวันนึงข้างหน้า ผมจะกลับมาอ่านมันอีกเพื่อเตือนใจตัวเองในชีวิต ผมเชื่อว่าหลายคนก็ต้องมีคำถามและคำตอบในชีวิตที่แตกต่างกัน แต่สำหรับผมมันพลิกไปพลิกมาจนอยากมาระบายให้ฟังครับ
ซึ่งหากนับกันในหลายๆปีที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลงในตัวผมหลายๆอย่างทั้งเรื่องการใช้ชีวิต การทำงาน วิถีการใช้ชีวิตที่ต่างออกไป แต่ความเป็นเพื่อนที่สำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตของผมที่เห็นได้ชัดเจนคือเรื่องการเล่นดนตรี
การเริ่มต้นในชีวิตสายนักร้องอาชีพของผมนั้นก็มาแบบงงๆเช่นกันครับ สมัยที่ยังเริ่มต้นร้องเพลงอาชีพ ผมก็เป็นแค่นักร้องธรรมดาคนนึง ที่ร้องเพลงอย่างเดียว แต่ถ้าทำแบบนี้อยู่อย่างเดียวมันก็จะทำให้เราย่ำอยู่กับที่ และไม่มีความหลากหลายในท้องตลาดนักดนตรีในกรุงเทพที่การแข่งขันสูงที่สุด
จนเมื่อวันที่ต้องขยับขยาย เพิ่มมูลค่าให้กับตัวเองในสายอาชีพ ด้วยการหาเครื่องดนตรีไว้เล่นซัก 1 ชิ้น ซึ่งผมมองว่าเครื่องดนตรีเช่นกีต้าร์ หรือคีย์บอร์ดในท้องตลาดมันเยอะแล้ว ผมได้รับคำแนะนำจากพี่พัชร พี่ชายที่ผมเคารพที่ให้คำแนะนำ และวิชาต่างๆมาให้ พี่พัชรแนะนำว่าลองเล่นกลองกล่องดู ตอนนั้นฮิตมากๆ ตอนนั้นผมเองก็ไม่รู้จักกลองชนิดนี้หรอกนะครับ
ผมก็ลองหาข้อมูลตอนนั้นว่ามันคืออะไร ผมจำได้ว่ารู้จักและได้ยินเสียงกลองชนิดนี้ที่ร้านกาแฟบ้านไร่ ด้วยความสนใจเข้าไปดู หลังจากวันนั้น ผมเอาเงินก้อนนึงของผมไปซื้อกลองคาฮองมาซ้อมตี ผมซ้อมอย่างบ้าคลั่ง 7 วันเต็มๆ เพื่อจะเอามาเล่นให้ทันในวันที่ต้องไปเล่นกับพี่ๆที่ร้านกาแฟวาวีในวันอาทิตย์ ผลออกมาพบว่าผมเล่นได้นี่ ก็เลยติดใจเครื่องให้จังหวะชนิดนี้ และตั้งใจจะเป็นนักดนตรีสายนี้เลยกับ การร้องไปตีไปนับจากนั้น
นับตั้งแต่เริ่มเล่นคาฮองร้องเพลง ผมมั่นใจว่าผมเป็นคนกลุ่มแรกที่เล่นคาฮองประหลาด แบบประยุกต์ ผมมักจะหาอุปกรณ์เสริมต่างๆมาเล่นกับคาฮองตลอดเวลา ทั้งเพอคัสชั่นแบบต่างๆ กลองไฟฟ้ามาเล่นร่วมกับคาฮอง
จนกระทั่งผมเริ่มเอาคาฮองมาเล่นกับอุปกรณ์กลองชุด เริ่มจาก Hihat ต่อมาด้วย Ride ตามด้วย Crash จนมาใช้ Micro snare มันเริ่มจะเป็นกลองชุดกลายๆแล้ว
พอเมื่อมาถึงในวันที่วงไอเฮียร์ขยับขยายกันมา วันที่เราสนุกกับการเล่นคาฮองร้องเพลงมันมีจุดเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ผมรู้สึกอยากเพิ่มประสิทธิภาพของวง Minigroove ของไอเฮียร์แบนด์ให้ไม่เหมือนใคร เพราะที่ผ่านมามันคงเป็นจุดอิ่มตัวของวงดนตรีที่มีกลองคาฮองที่มีมากขึ้นเยอะจนเต็มท้องตลาด นักดนตรีรุ่นใหม่ดันขึ้นมาและมีมากขึ้น
หลังจากนั้นผมก็หาชุดกลองเล็กที่พอจะขนไปฝึกตีแบบงูๆปลาตามข้างถนน ไปแบบคนไม่มีจุดหมาย หาที่ปลอดคน ตั้งกลองชุดตีวันละหลายชั่วโมง นานนับหลายเดือน เพราะด้วยวัย โอกาสและเวลาเราไม่เอื้ออำนวย การตีแบบมวยวัดก็เป็นทาขงออกของผมเบื้อต้น เพื่อหลุดพ้นความเป็นนักร้องที่ตีคาฮองเป็นอย่างเดียว
ผมก็ลองผิดลองถูกเกี่ยวกับการตีกลองทุกอย่างแบบไร้ทฤษฏี และทิศทาง มีอาจารย์คือ Youtube เปิดวนและตีๆๆๆไปเรื่อยๆ ผมกล้าพูดเลยครับว่าผมทำเพื่อที่จะชนะตัวเอง ผมซ้อมได้หน่อยก็เอาไปเล่นตามงานต่างๆ ซุ่มซ้อมอยู่ตรงนั้นเล่นไป เพราะเราไม่ได้เรียนดนตรีมาโดยสายตรง เรียนรู้ด้วยตัวเองล้วนๆ
ความเปลี่ยนแปลงที่พลิกชีวิตผมอีกอย่างนึงคือเมื่อวันที่ผมได้คุยกับ อาร์ท Shining star ที่เล่นกับไอเฮียร์มาหลายปี ผมบอกถึงความต้องการเหล่านั้นว่าอยากตีกลองร้องเพลง อาร์ทก็ให้คำแนะนำที่ดีมากๆกับผมเอามาเป็นการบ้านมาฝึกเอง
และอาร์ทก็แนะนำให้ลองไปเรียนกลองเบื้องต้น อาร์ทก็แนะนำให้ลองไปเรียนกับมือกลองที่ชื่อ สำลี ครับ พอได้เรียนกับสำลี เหมือนเปิดประตูพังกำแพงความคิดของผมที่ผ่านมาว่าทำไม่ได้แน่ แม้จะมีโอกาสได้เรียนสั้นๆ แต่การสอนของสำลีทำให้ผมมั่นใจ กล้าเล่น กล้าแลก
และการตีกลองทำให้ผมเข้าใจในจังหวะ กรุ๊ฟ เวลาร้องเพลงทำให้เราเข้าถึงจังหวะได้ แล้วยิ่งพอเราต้องตีไปร้องไปพร้อมกัน การกำหนดจังหวะอยู่ที่เรา มันทำให้เพลงออกมาสมบูรณ์เพราะเป็นผู้คุมจังหวะของเพลง ซึ่งเป็นข้อดีมากๆที่ผมค้นพบ
ซึ่งตอนนี้วง iHearband ในชุด Minigroove ของเราเติมเต็มด้วยกลองชุดเล็ก คีย์บอร์ดที่เล่นเบสไปพร้อมกันได้ และเครื่องเป่าโมบายที่เดินไปรอบงาน ก็พอจะสร้างความแตกต่างให้กับตลาดวงดนตรีทั้งงานแต่งและงานอีเว้นท์ปาร์ตี้ในรูปแบบต่างที่ใช้แค่ 3 คน แต่ได้เสียงที่แน่นปึ๊ก ฟังเหมือนกับมี6คน
ผมดีใจมากที่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของผมในวัย 35 ปี มันเปลี่ยนชีวิตผมตลอดกาล ทุกวันนี้ผมมีความมั่นใจมากขึ้นในการเป็น Vocal & Drum ที่ทำทั้งสองอย่างไปพร้อมกันอย่างมั่นใจครับ
และผมเริ่มเชื่อกับคำว่า “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าเราตั้งใจทำมัน” ผมเชื่อสนิทใจเลยครับ
Sincan escort bayan
escort Sincan