การเรียนศิลปะสมัยก่อนตั้งแต่ผมเกิดมา ก่อนที่จะมีวันนี้ที่มีเทคโนโลยีสมัยใหม่มากมายในตอนนี้ อุปกรณ์เสริมต่างๆที่ช่วยคนรุ่นใหม่ทุกวันนี้เด็กวาดรูปไม่เป็นก็ทำงานศิลปะได้ควรจะชี้ทางแนะแนวศิลปะให้เด็กได้ซึมซับไปควบคู่กันด้วยเพราะในอนาคตเด็กจะต้องไปสัมผัสกับงานแนวกราฟฟิคควรให้เด็กมีพื้นฐานในการเรียนรู้ แต่ก็อย่าลืมถึงพื้นฐานเกี่ยวกับศิลปะให้แน่นพอที่จะเรียนรู้มันอย่างแท้จริงแล้วเดินหน้าใช้เทคโนโลยีควบคู่ไปด้วย
- Photoshop
- COREL DRAW
- Illustrator
- FLASH
เพราะเครื่องมือสมัยใหม่มาแทนคนการทำงานกับบริษัทใหญ่ๆเงินเดือนสูงๆที่มีฝรั่งบริหารจะต้องตามยุคให้ทัน และต้องนำเสนอสิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลาไม่งั้นต้อง ถูกจ้างให้ออกเพราะผลงานไม่มีประสิทธิภาพการทำงานยุคเก่างานศิลปะ คนและทีมงานอย่างน้อย 3-5 คนปัจจุบันนี้ ใช้คน 1 คน เท่านั้นทำได้หมดครบวงจร แล้วงานดีกว่าใช้ คนทำด้วยงานศิลปะยุคเก่า
ผลงานเกี่ยวกับงานศิลปะ กับการออกแบบของผมครับ
ผลงานของผม Click
ห้องทำงานศิลปะสมัยก่อน จะประกอบไปด้วย
- ดินสอ
- กระดาษบรู้ป
- กระดานวาดรูป
- พู่กัน
- โต๊ะเขียนแบบ
- กระดาษอาร์ท
- สีน้ำ แม่สี
- สีไม้ 36 สี
- สีโปสเตอร์ Sakura แม่สี
- นิตโต้
- ปากกาเคมี
- หมึกอินเดียนอิงค์
- สมุดวาดเขียน
- กระป๋องล้างสี
- สเปรเคลีย
- สเปรกาว
- กระดาษแข็งสีดำ
- กาวลาเทค
- กรรไกร
- คัตเตอร์
- ยางลบ
นี่แค่บางส่วนที่นักเรียนศิลปะสมัยของผมต้องมีใช้ทำงานเมื่อสมัยสิบกว่าปีก่อนซึ่งตอนนี้ผมจำได้แม่นว่าต้องมีของอุปกรณ์เหล่านี้ในการเรียนศิลปะ การฝึกฝนทำงานศิลปะเป็นสิ่งจำเป้นมากพอๆกับการคิดงานที่จะทำ ค้นหาสิ่งใหม่ออกมาเป้นงานศิลปะที่สวยงามได้ แต่นักเรียนักศึกษาในปัจจุบันนั้นมีสิ่งเร้ามากกว่าแต่ก่อนให้ไปในทิศทางอื่นซึ่งทำให้ศิลปินในปัจจุบันของเราไม่ค่อยจะมีสมาธิในการทำงานศิลปะเท่าไหร่นักโดยเฉพาะศิลปินในกรุงเทพที่ต้องการหาแรงบันดาลใจแต่ก็ต้องเจอแต่ป่าปูนอันน่าเบื่อ
งานศิลปะต้องเป็นงานที่ผ่านการคิด จินตนาการ ออกมาเป้นผลงานที่สวยงาม การลอกเลียนแบบจึงยาก เพราะไม่มีการลอกกันได้ง่ายๆ จึงไม่แปลกที่ในอินเตอร์เน็ตจะมีการลอกผลงานเอาไปเป้นของตัวเองแบบหน้าด้านๆ โลกเรายิ่งง่ายมากขึ้น การลอกเลียนแบบจึงง่ายเป็นเท่าตัว แต่ก่อนการหาแรงบันดาลใจในการสร้างงานมันต้องมาจากสิ่งรอบตัวในตอนนั้นของศิลปินที่สร้างงาน กว่าจะได้งานออกมาซึ่งตอนนี้เด็กรุ่นใหม่ หาแต่ใน Google เท่านั้น เห็นแต่ในจอไม่เจอกับของจริง ไม่ได้เห็นจริงจึงไม่สามารถตอบโจทย์ของงานนั้นได้เลย เพราะเห็นแต่รูปกับข้อมูลที่อยู่หน้าจอเท่านั้น อะไรที่ได้มาง่ายเกินไปมักทำให้เราเข้าใจสิ่งนั้นแค่ผิวเผินเท่านั้น
อันนี้เป็นการยกตัวอย่างของงานศิลปะที่วาดด้วยมือของพลอย อาชีวะเชียงใหม่หัวหน้าห้องของผมและเพื่อนๆครับ
“ของขวัญวันเกิด…จากเพื่อน
วันนั้นเมื่อ 11 ปีที่แล้วถึงแม้ว่าเราจะไม่
เดินไปที่ห้องเรียนด้วยใจคุ
“สุขสันต์วันเกิดนะ หัวหน้าห้อง”
…ข้างในเป็นภาพวาดที่คุณน
ถึงได้รู้ว่า ที่เพื่อนๆจงใจทำให้เราโกรธ
…ตอนนั้นเลยไม่รู้จะโกรธ ร้องไห้ หรือดีใจดีกันเนี่ย XD เพราะเกิดมาไม่เคยมีคนมาเซอ
ขอบคุณเพื่อนๆมากสำหรับของข
ผมเริ่มรู้สึกว่าทุกวันนี้เทคโนโลยีทำลายงานศิลปะแบบทางตรง ด้วยความที่มันสะดวก ง่าย ไม่ซับซ้อน ซึ่งแน่นอนมันทำให้คนสร้างงานนั้นไม่ขยัน ไม่มีความเป้นศิลปินเหมือนแต่ก่อน ที่เรายังถือกระดานกับกระดาษปรู้ปหนีบติดกัน โดยในกระเป๋าจะมีปากกาซากุระ ดินสอวาดรูปเบอร์ต่างๆ ยางลบ นิตโต้ เพราทุกวันนี้แค่เป้นการจับวางตำแหน่งแล้วพิมพ์หรือปริ้นเอา ซึ่งยอมรับว่าง่าย เร็ว ถูกกว่าการวาดด้วยมือ แต่คุณค่าทางจิตใจของผู้สร้างงานไม่ค่อยมีค่าเท่าไหร่นัก เมื่อก่อนกว่าจะได้วิธีการวาดรูปแบบนั้นแบบนี้เราเสียกระดาษไปไม่รู้เท่าไหร่ หากวาดผิดนิดเดียวก็แก้ไขอะไรไม่ได้ ต้องทำให้ออกมาดีที่สุด คุณค่าทางจิตใจนั้นมีมาก
วาดภาพล้อเลียนกัน เอาคาแรคเตอร์ของเพื่อนมาวาดเล่นกัน ดูในลิ้งค์นี้ครับ ครูเล็กลงให้ http://www.facebook.com/photo.php?fbid=191260797666014&set=t.1396620170&type=3&theater
ดังนั้นถ้าจะเอาดีทางนี้ต้องตามระบบเครื่องมือเทคโนโลยีให้ทันกับโลก ส่วนการเรียนศิลปะนั้นแค่เป็นพื้นฐานประกอบ พอตำราการสอนเด็ก ควรจะเปลี่ยนแปลงได้แล้วอ่านมาท่องแบบนกแก้ว นกขุนทอง มันหมดยุคแล้วสมัยก่อนงานศิลปะต้องเด็กที่มาจากสถาบันศิลปะเท่านั้นถึงจะทำได้ทุกวันนี้ กรรมกรก่อสร้าง แบกปูน เล่นคอมเป็น ก็ ทำได้แล้วและทำได้ดีด้วย ถ้าเรามีใจกว้างมองโลกไม่อิจฉาอย่ามองข้าม คนยุคใหม่ในห้างสรรพสินค้า ร้านที่ทำงานศิลปะเช่นงานทำป้ายโฆษณาเด็กทำงานไม่เคยเรียนศิลปะมาเลยแต่เรียนคอมมาเท่านั้นทุกวันนี้หรือต้นแบบงานคัตเอ้าท์ใหญ่ๆช่างเขียนได้เลิกอาชีพไปหมดแล้ว ตายไปกับยุคสมัยเสมือนเครื่องพิมพ์ดีด โอลิมเปีย ที่หมดสมัยแล้วเสมือนกล้องที่เลิกใช้ฟิมล์มาเป็นแบบ ดิติจอลซะแล้ว
ความสนุกของการเรียนศิลปะในสมัยของผมอยู่ในโลกที่น่าอยู่มากโดยตอนนั้นเทคโนโลยียังไม่มาก การทำงานจึงลำบากมาก ทำให้เราได้รู้คุณค่าของการสร้างงานศิลปะ จึงอยากให้คนรุ่นหลังได้รู้ว่าควรให้คุณค่ากับการลงมือทำ ลงมือฝึกอย่างจริงจัง